InfoQuest – นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.93/95 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าอยู่ที่ระดับ 34.81 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.74 – 35.00 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่างวันมีแรงซื้อขายดอลลาร์บ้าง ส่วนใหญ่ตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คืน นี้ และพรุ่งนี้ เช่น ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เป็นต้น นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพุธไว้ที่ 34.70 – 35.20 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยนอยู่ที่ 146.59 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 146.65 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโรอยู่ที่ 1.0876 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0872 ดอลลาร์/ยูโร – ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,383.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.23 จุด (+0.23%) มูลค่าซื้อขาย 35,519.36 ล้านบาท – สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,016.44 ลบ. – นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิ ทัลวอลเล็ตว่า ได้มีการพูดคุยกับนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง โดยจะมีการส่งหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงการออก พ.ร.บ.กู้เงินในโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ – ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 67 จะยังสามารถ เติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ก็อาจจะต้องเผชิญความไม่แน่นอนหลายด้าน โดยเฉพาะความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนด้าน นโยบายการคลังไทยของรัฐบาลชุดใหม่ทั้งจากกรอบนโยบายระยะสั้นและระยะปานกลาง รวมถึงความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐ ศาสตร์และกระแสโลกแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้น SCB EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ายังมี ความไม่แน่นอนสูง – นักลงทุนติดตามดัชนีภาคบริการและข้อมูลจ้างงานเดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟดต่อไป หลังจากบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหากข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง ขาลงของค่าเงิน ดอลลาร์จะเปิดกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอาจผันผวนสูงกรณีตัวเลขออกมาในเชิงผสมผสาน นอกจากนี้ราคาทองคำ ในตลาดโลกจะมีผลต่อค่าเงินบาทเช่นกัน – ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ให้คำมั่นว่า PBOC จะรักษาการเติบโตของปริมาณเงินทุนหมุนเวียนในระบบให้มี เสถียรภาพ และเพิ่มการสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ ที่สำคัญ เช่นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจีนมีความมุ่ง มั่นที่จะยกระดับคุณภาพสินเชื่อ – ผู้บริหารของบริษัทในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีต่างก็มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มบิทคอยน์ โดยคาดว่าราคาบิทคอยน์จะ ทำสถิติพุ่งขึ้นทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์ในปี 67 โดยได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยในปีดังกล่าว รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์บิทคอยน์จะพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF เป็นครั้งแรกใน สหรัฐ และปรากฏการณ์บิทคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 67
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest