ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.94 แข็งค่า รอปัจจัยใหม่ หลังธปท.ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย

InfoQuest – นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.94 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 34.97 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก แต่ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ระหว่างวันเงินบาท เคลื่อนไหวในกรอบ 34.77 – 35.00 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ต่างชาติขายพันธบัตร 3.5 พันล้านบาท “หลังแบงก์ชาติออกมาชี้แจงเงินบาทแข็งค่าลงไป เพราะไม่ได้ส่งสัญญาณที่จะรีบดำเนินการเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และท้ายตลาดมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา ช่วงนี้บาทจะมีพักรอตรงช่วงปลาย 34 (บาท) และต้น 35 (บาท)” นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.85 – 35.10 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 145.61 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 145.09 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0944 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0948 ดอลลาร์/ยูโร – ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,407.02 จุด ลดลง 6.51 จุด, -0.46% มูลค่าซื้อขาย 32,633.35 ล้านบาท – สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 506.42 ล้านบาท – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันไม่จำเป็นต้องมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นัดพิเศษก่อน ถึงการประชุม กนง.ตามกำหนดนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 7 ก.พ.67 ขณะที่ กนง.คาดเงินเฟ้อติดลบไปจนถึงเดือน ก.พ.67 จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ทั้งปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 1-2% ตามกรอบเป้าหมาย – ธปท.เตรียมเรียกธนาคารพาณิชย์เข้ามาหารือหลังนายกรัฐมนตรีมีความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงเกินไป ประกอบกับธนาคารพาณิชย์มีกำไรมาก ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน – ธปท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการออกใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) คาดว่า หาก สามารถออกประกาศได้ภายในไตรมาส 1 ของปีนี้ และเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ มีเวลาในการพิจารณาคุณสมบัติของ ผู้ประกอบการที่แสดงความประสงค์จะขอรับใบอนุญาต คาดว่าจะได้เห็นการจัดตั้ง Virtual Bank ภายในครึ่งแรกของปี 2569 – ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนเอาไว้ ที่ระดับ 2.50% ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.10% สู่ระดับ 2.40% เพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืดและกระตุ้นการปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ – บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (Boston Consulting Group – BGC) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผย รายงานในวันนี้ว่า มูลค่าของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกรวมกันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 7 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า หากธนาคารใช้ มาตรการที่แข็งแกร่งในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร – นักลงทุนในภูมิภาคจับตาไปที่การประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum – WEF) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15- 19 ม.ค.ที่เมืองดาวอสของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยบรรดาผู้นำด้านธุรกิจและการเมืองโลกจะมารวมตัวพบปะกันเพื่อหารือเกี่ยวกับ ประเด็นต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก วาระสำคัญในการประชุมได้แก่ การค้าโลก อัตราเงินเฟ้อ ห่วงโซอุปทาน การเปลี่ยน แปลงทางเทคโนโลยี รวมไปถึงประเด็นสงครามในตะวันออกกลางและยูเครน

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest