InfoQuest – ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (17 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกิดคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ระดับ 103.450
ในระหว่างวัน ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 103.58 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2566 หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค.
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 55% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักกว่า 60% ในช่วงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีก นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันดังกล่าว หลังจากที่ให้น้ำหนัก 34.9% ก่อนหน้านี้
ส่วนเงินปอนด์แข็งค่า 0.25% สู่ระดับ 1.267 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังจากอังกฤษเปิดเผยเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้ากว่าธนาคารกลางแห่งอื่น ๆ
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.2566 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าชะลอตัวสู่ระดับ 3.8% จากระดับ 3.9% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากปรับตัวลง 0.2% ในเดือนพ.ย.
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest