InfoQuest – นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 35.33 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 35.38 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.27-35.43 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทแข็งค่าเร็วต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เป็นผล จากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับลดลง ขณะที่ราคาทองคำโลกปรับเพิ่มขึ้น จึงทำให้มี flow ส่งออกทองคำ นอกจากนี้ การที่เงินบาทอ่อนค่าไป มากในช่วงก่อนหน้านี้ พอไม่ผ่านแนวต้านที่ 35.90 จึงทำให้มีการเทขายทำกำไร ปัจจัยสำคัญสำหรับสัปดาห์นี้ ตลาดจะดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะออกมาในคืนพรุ่งนี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณถึง จังหวะการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้หรือไม่ รวมทั้งเฟดมีความพอใจหรือไม่ ต่ออัตราเงินเฟ้อที่ลดลง “ตลาดรอดูว่าเฟดจะสื่อสาร หรือส่งสัญญาณถึงจังหวะการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้หรือไม่ และพอใจเงินเฟ้อที่ลดลงหรือไม่ ส่วนเรื่องดอกเบี้ย ตลาดมองว่าการประชุมรอบนี้ เฟดยังคงดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม” นักบริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.20 – 35.40 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.2969 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.51 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 147.32 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0817 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0817 ดอลลาร์/ยูโร – พรุ่งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จะแถลงดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) และธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจการเงินเดือน ธ.ค.66 – ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น 246 ดอลลาร์ หรือ +0.57% แตะระดับ 43,477 ดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยตลอดเดือนม. ค.67 ราคาบิตคอยน์ พุ่งขึ้นกว่า 2% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 5 – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีน อายุ 10 ปี ร่วงลงแตะระดับ 2.47% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี หรือนับตั้งแต่ ปี 2545 หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเปราะ บาง และตลาดหุ้นที่ถูกเทขายอย่างหนัก – กระทรวงการคลังอินเดีย ระบุว่า อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2570 โดย มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ – ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. โดยชะลอตัวจากระดับ 216,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และ คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในเดือนม.ค. จากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค.
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest